เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๙ ส.ค. ๒๕๕๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

จะบอกว่าเรามาแสวงหา อุตส่าห์มาหานะ มีโยมเขามาถาม “ฝัน ! ฝันว่าตัวเองจะได้ทองคำ ๒ ไห แล้วมันอยู่ข้างๆ ไร่ จะไปขุดไหม” อยากไปขุดใจจะขาด แต่ไม่กล้าไป

แล้วมาปรึกษาเราว่า “ควรไปขุดไหม”

เราบอกว่า “ไม่ควรหรอก !”

ทรัพย์ในดินสินในน้ำ ถ้าเราทรัพย์ในดินสินในน้ำ มาทำมาหากินนะมันเป็นของจริงๆ อันนั้นไปขุดมันเป็นเวรเป็นกรรม มันไม่รู้ว่าใครฝังเอาไว้ชาติใดก็แล้วแต่ เพราะในสมัยโบราณมันไม่มีธนาคาร

นั่นดูสิ อย่างโตเทยยพราหมณ์ ทำมาหากิน แล้วเอาทองคำไปฝังเอาไว้ พอฝังไว้.. เพราะเป็นคนฝังไว้เอง ไม่มีคนรู้หรอก พอตายไป ไปเกิดเป็นสุนัข แล้วไปเฝ้าอยู่นั้นแหละ พระพุทธเจ้าบิณฑบาตไป ตอนเป็นพราหมณ์เป็นคนตระหนี่มาก คนเก็บหอมรอมริบไง ก็เก็บไปฝัง.. เก็บไปฝัง ไม่ทำบุญ เวลาพอตายไปแล้วเป็นสุนัขมาเฝ้า

ด้วยสายบุญสายกรรม พอพระพุทธเจ้าบิณฑบาตไป ก็มาเห่า พระพุทธเจ้าว่า

“โทเทยยพราหมณ์ ! เธอเป็นมนุษย์ก็ตระหนี่ เป็นสุนัขก็ตระหนี่”

ทีนี้คนใช้ได้ยินก็ไปฟ้องลูกชาย ลูกชายหาว่ามาเรียกชื่อพ่อว่าเป็นสุนัข ก็โกรธมาก ก็ไปต่อว่าพระพุทธเจ้าที่วัด

พระพุทธเจ้าก็ว่า พิสูจน์กันไหม เพราะมันพึ่งชาติใหม่ๆ ไปกลับบ้านเลย ให้เรียกว่าพ่อ ปลอบประโลมให้ดีเลย แล้วเอาอาหารให้กินอย่างดี แล้วขอ.. บอกพ่อ.. ขอไหทองคำ พอกินเสร็จนะ กินเสร็จแล้ว.. เรียกสุนัขว่า “พ่อ” อุปัฏฐากอย่างดีเลย แล้วก็บอกขอทองคำ มันร้องอิ๋งๆๆ แล้วก็วิ่งไปนะ อยู่ในพระไตรปิฎก อยู่ธรรมบทด้วย

ไปถึงก็ไปคุ้ยๆ ตะกุยไง พอตะกุย ลูกชายก็สั่งให้คนใช้ขุด ไหทองคำ ! ไหทองคำ ! ทั้งนั้นเลย ไหทองคำทั้งนั้นนะ ในสมัยโบราณเขาฝังกันไว้ เราฝังกันไว้เองก็ได้ ใครไม่เชื่อก็แล้วแต่ เราเชื่อของเรา สมบัติที่เราสร้างกันไว้

ดูสิ ดูอย่างยายกั้งที่อยู่ที่หนองผือนะ นั่งสมาธิไป แล้วเห็นตัวเองไปเกิดในท้องของหลาน แล้วไปถามหลวงปู่มั่นว่า “นี้คืออะไร”

หลวงปู่มั่นบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องไปเกิดในท้องของหลาน”

“ถ้าอย่างนั้นจะแก้อย่างไร”

“แก้โดยให้กำหนดจิต ให้ทำสมาธิขึ้นมา แล้วเอาจิตนั้นตัด”

พอเอาจิตนั้นตัดปั๊บ ! หลานก็แท้ง จะบอกว่า เราสร้างไว้ เราเป็นย่า แล้วก็ไปเกิดในท้องของหลาน แล้วเป็นย่า เป็นพ่อ เป็นแม่ สมบัติเราสร้างไว้หรือเปล่า บ้านเราสร้างไว้หรือเปล่า แล้วเราตายไป ไปเกิดเป็นลูกเป็นหลานขึ้นมา เราก็เกิดไปใช้สมบัติเดิมเรานั้นไง เราสร้างไว้เองนะ ตระกูลนี้เราสร้างไว้เอง เราทำไว้เอง แล้วเราก็ตายไป แล้วเราก็ไปเกิดในตระกูลนั้น แล้วเราก็ไปใช้สมบัติเราอีก

นี่สายบุญสายกรรมใช่ไหม นี่ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ เราบอกเขาว่า

“อย่าไปเอาเลย ทำมาหากินของเราดีกว่า ไอ้นั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว”

พวกเราก็อยากได้ลาภใช่ไหม อยากได้ทองคำลอยๆ มา แล้วเราไปเอามาทำไม ได้ลอยๆ มันมีนะ มันมีบุญมีกรรมกันไป ต้องมีกันไป แล้วเราจะไปสร้างทำไม เราเอาปัจจุบันธรรมปัจจุบันเราแก้ไขเราตรงนี้ แล้วนี้เราพูดถึงสิ่งที่เราทำเอาไว้ที่เราไม่รู้เรื่องเลย ถ้าย้อนอดีตบุพเพนิวาสานุสติญาณมันย้อนได้ มันย้อนตรงนี้ได้ คนเกิดมานี้ เมื่อชาติที่แล้วเป็นอะไร.. เป็นอะไร.. แล้วพูดไปได้ไหม

พูดไปนะ เชื่อก็ได้ หรือไม่เชื่อก็ได้ มันเป็นดาบสองคมทั้งนั้น แต่ถ้าเรารู้ของเราจริงแล้ว เรารู้ถึงทัศนคติของเรา เรารู้ถึงความคิดเรา เราปรารถนาอะไร เราทุกข์อะไร อธิบายให้คนอื่นฟังสิ เขารู้อะไรกับเราไหม มันเรื่องของเราทั้งนั้นนะ แล้วเรามาแก้ของเราที่นี่

เราถึงมาวัดกันไง เรามาวัดเห็นไหม เรามาอยู่ที่สงบสงัด เรามาค้นหาตัวเองนะ เราอยู่ข้างนอก เราอยู่ในสังคม อยู่ในที่คลุกคลี มันอุ่นใจไง มีเพื่อน มีฝูง มีอะไรไปนะ มันเกลื่อนไว้นี่ กิเลสเต็มหัวใจ พอเรามาอยู่คนเดียวนะ มันต้องคิดแล้วนะ.. ต้องคิดแล้วนะ มันวิตกกังวลนะ มันมีอะไร ความคิดเรามันจะเปิดหมด

เพราะมีลูกศิษย์เยอะ ลูกศิษย์ภาวนามา เราจะถามเอ็งทำอาชีพอะไร ถ้าอาชีพสัมมาอาชีวะนะ ภาวนาไป เออ ! มันก็ไปของมันไปอย่างนี้ ลุ่มๆ ดอนๆ อย่างนี้

แต่ถ้าใครมีอาชีพ ในทางที่ว่าจะต้องสร้างบุญสร้างกรรมอะไรมาเยอะ เวลาภาวนาไป มันจะออกมาเอง เหมือนกับโยม เวลาเราต้องคิดถึงเด็ก สมัยที่เราเป็นเด็กเป็นอย่างไร เราทำอะไรของเราในสมัยที่เป็นเด็ก เวลาเรานั่งไป มันจะฟื้นออกมา มันจะรื้อออกมาๆ แล้วถ้าเรามีสตินะ เราก็ปลงตกไง

นี่ก็คือเวรคือกรรม มันเป็นอดีตประวัติศาสตร์ใช่ไหม เราไปแก้ไขอะไร ถ้าไม่แก้ไขอะไรปั๊บ เราถึงต้องแก้ไขในปัจจุบัน

เราก็เป็น ! เวลาเราเป็นนั่งภาวนาไปๆ เมื่อก่อนนะ ก็ภาวนากันดีๆ มีอะไรก็แล้วแต่ มันจะมาโดนเราหมดเลย โดนหมดเลย เอ๊ ! มันเป็นเพราะอะไร.. มันเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะตอนเป็นวัยรุ่น มันก็เก๊พอสมควร มันก็ไปกับเขานั่นแหละ

ดูอย่างเช่น หลวงปู่ที่วัดอโศการาม ท่านไปอยู่ที่วัดอโศฯ เห็นไหม ไปนั่งที่ริมทะเล แล้ว โอ้โฮ.. ยุงทะเลนะ มันมาทีเป็นลูกๆ ท่านนั่งเฉยๆ ให้มันกัดนะ พอลืมตามาจีวรนี้เลือดแดงไปหมดเลย นี่ใช้มัน ! ใช้มัน ! แต่พวกเรายอมใช้ไหม ถ้าเรายอมใช้เวลาเรานั่งขึ้นมา มันมีกรรม อย่างที่ว่า มันมีของใครของมันนะ

เราอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ ปีแรกเลยที่ไปสร้างวัดให้หลวงปู่เจี๊ยะ มันเป็นทุ่งนา อยู่ปทุมฯ มันเป็นทุ่งนาทั้งหมดเลย แล้วน้ำมันท่วมใหญ่ งูเห่านะ.. มันเป็นแบบว่าเขายกร่องใช่ไหม แถวนั้นยกร่อง งูเห่าเป็นๆ นะ แล้วพวกอาชีพเขาจับงูไปให้สถานเสาวภา มันเอาถุงปุ๋ยมาจับนะ คนหนึ่งมันแบกที่หนึ่ง ๒-๓ ถุงปุ๋ย

งูเห่านะ..! เวลาน้ำมันท่วม ท้องนามันท่วม มันจะหนีไปไหน มันก็หนีเข้ามาที่คันนานะ เราจะบอกว่างูมันมากขนาดนั้น เขามาจับกันที่ถุงปุ๋ย ๒-๓ ถุงกันเลย แล้วเราคิดดูเราอยู่ที่นั้น มันจะกัดเราไหม ทำไมมันไม่มีกัดพระเลย

เราไปอยู่ในป่า อยู่กับเสือ อยู่กับสัตว์ต่างๆ มันกินคนไหม มันต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างเป็นไป เว้นแต่มีกรรม ! ที่มีกรรม จะบอกว่ามันไม่มี ไอ้สัตว์ร้ายนี้มันไม่มีเลย.. ไม่ใช่ ! มันก็มีของมันอยู่ แต่มันไม่ทำเราหรอก มันไม่ทำเราหรอก ถ้ามันจะทำกันมันก็ต้องมีเวรมีกรรมต่อกัน เนาะ ถ้ามันไม่มีเวรมีกรรมกัน มันก็จะไม่ทำเรา แต่เราไปตกใจ.. ไปวิตกกังวลเอง มันก็เป็นทุกข์ของเราใช่ไหม

เวรกรรมมันมี เรามาแสวงหาของเรา เราจะมาประพฤติปฏิบัติของเรา เราเชื่อเวรเชื่อกรรม เราสร้างเวรสร้างกรรมมาขนาดไหน ถ้าเราเชื่อที่นี่ปั๊บ เราจะไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลย ถ้าถึงมันเป็นไปนะ ถ้าเรามีเวรมีกรรมมันจะอยู่ที่ไหนก็เป็น ไปอยู่ที่ไหนก็หลบไม่พ้นหรอก มันก็เป็น มันเป็นสภาวะแบบนั้นนะ แต่มันแก้ไขได้ไหม... ได้ ! กรรมนี้แก้ไขได้

ถ้ากรรมแก้ไขไม่ได้นะ พระอรหันต์เกิดไม่ได้ เพราะเราเกิดมา อวิชชาทั้งนั้นล่ะ คนเกิดมาจากกรรม แล้วมันแก้ไม่ได้ มันจะสิ้นกรรมได้อย่างไร เป็นพระโสดาบัน เป็นพระสกิทาคามี พระอนาคามี มันแก้กรรมได้แล้ว เพราะอะไร

เพราะถ้าเราเป็นปุถุชน เราต้องเกิดต้องตายไม่มีต้นไม่มีปลาย อย่างพรรณไม้ ถ้ามันไม่ตาย เราลงดินไปแล้วมันต้องเกิดแน่นอน จิตมันยังมีกิเลสอยู่มันเกิดแน่นอน ไม่มีต้นไม่มีปลาย คือมันหมุนตลอดไป พระโสดาบันเกิดอีก ๗ ชาติเท่านั้นแล้ว อย่างมากอีก ๗ ชาติเท่านั้นเห็นไหม พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี...

พระอรหันต์นี้ ไม่เกิดอีกแล้ว ถ้าไม่เกิด มันแก้กรรมได้อย่างไร... มันแก้กรรมด้วยการภาวนา มันแก้กรรมด้วยเรากำหนดพุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก เพราะมันไปล้างให้สะอาด

ถ้าไปแก้ด้วยการอ้อนวอน มันแก้ได้อย่างไร คือมันทับซ้อนใช่ไหม คือว่ามันกรรมเก่ากรรมใหม่ไง อย่างเช่น เราไปขุดสมบัติ มันต้องสืบต่อว่าอย่างนั้นเถอะ มันมีเหตุมีปัจจัย ถ้ามีเหตุมีปัจจัย มันต้องสืบต่อไป

ฉะนั้นเราตัดเหตุตัดปัจจัยซะ คือเราไม่ไปยุ่ง ไอ้เวรกรรมที่มีแล้วก็แล้วกันไป ไอ้ปัจจุบันทำให้มันดี ทำให้มันดี เราอย่าไปกังวลตรงนั้น โธ่.. เราทำมาหากินแล้วได้มากกว่านั้นอีก เราทำมาหากินดีกว่านั้นอีก

ฉะนั้นของที่แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไป แต่ถ้าเราอยากได้ อยากเลยนะ พอเราไปถึงไปเจอมาก็ได้ ไปเจอสิ่งที่ไม่มีก็ได้ เพราะอะไร เพราะถ้าเจ้าของเขาเฝ้าอยู่ เขาต้องการคนไปเฝ้าใหม่ก็ได้ ไปถึงแล้วคนที่ไปขุดไห อันตรายถึงเสียชีวิตก็ได้

เราจะไปเสี่ยงทำไม เราไม่ไปเสี่ยงตรงนั้น เพราะมันเป็นลาภที่ไม่ควรได้.. ลาภที่ควรได้คือสัมมาอาชีวะ เราทำของเรา ทีนี้ลาภที่ควรได้ที่เป็นโลกๆ นะ ลาภที่ควรได้ที่เราเป็นชาวพุทธ เราเห็นอริยทรัพย์ ทรัพย์จากภายใน ลาภที่ควรได้ สมบัติที่มีอยู่

สิ่งที่มีอยู่คือหัวใจ ถ้ามันสงบสงัดขึ้นมาบ้าง ทำจิตเราสงบลงบ้าง สิ่งนี้นะในตลาดไม่มีขาย แล้วเราจะพูดกับใครไม่เข้าใจ เว้นไว้แต่คนที่รู้ เราจะพูดกับครูบาอาจารย์ของเรา สมาธิมันเป็นอย่างนั้นๆ จะมีความสุขมาก ความสุขอย่างนี้มันจะฝังใจไป ภาพประทับใจกับเรามันจะประทับใจของเราไป

แต่นี้มันไปเกิดจากใจ สิ่งที่เกิดจากใจเห็นไหม เราถึงมาพยายามแสวงหา เราต้องมีหลัก ศีลเป็นหลักนะ คนเรานะถ้าไม่มีศีลก็ไม่มีหลัก

เราเที่ยวป่ามามาก เขามีคาถามีอาคมกัน แต่เราไม่มี เรามีศีลเป็นที่พึ่ง ถ้ามีศีลเป็นที่พึ่ง เรามั่นใจในความสะอาดของเรานะ เรานั่งต่อหน้าฝูงช้างป่าเลย เรานั่งต่อหน้าเสือ ฝูงเสือนี้ เรานั่งต่อหน้าเผชิญกับมันเลย นั่งหลับตานะ อย่างเรายังเผชิญหน้ากับมัน เรายังสู้กับมัน ยังหลบหลีกได้ เรานั่งหลับตาเฉยๆ เลยนะ ให้มันเข้ามากินหัวเลย

เราเชื่ออะไร.. เราเชื่อมั่นในศีลของเราเห็นไหม นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราเชื่อมั่นในศีลของเรา เวลารักษาศีล ศีลนี้เป็นที่พึ่งได้ ที่พึ่งได้เวลานี้ เวลาวิกฤต ศีลเป็นที่พึ่งได้เพราะอะไร เพราะใจมันมีหลักไง เราอบอุ่นของเรา คนที่มีจุดยืนกับคนที่ไม่มีจุดยืน มันต่างกันตรงนี้ไง

ฉะนั้นเราต้องมีจุดยืน จุดยืนคือเรารักษาความสะอาดของเรา รักษาศีลของเราให้บริสุทธิ์ ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลมันเป็นปกติขึ้นมาแล้ว

ถ้าพูดถึงมาแล้วเราทุศีล ศีลด่างศีลพร้อย เราทำอะไรก็ได้ ความจริง ความอยาก มันเป็นความอยากขึ้นมา ความต้องการขึ้นมา เราทนไม่ได้ เราก็ไปทำผิดศีล พอทำผิดศีลกันมา แล้วใจเรามั่นคงไหม ใจเราลอกแลกหรือยัง ใจเราโลเลหรือยัง แต่ถ้าเราใจเรามั่นคงนะ วิกฤตอะไรมันก็ผ่านได้

โธ่ ! ในเซนนะ เวลาเขาเจาะภูเขาเห็นไหม ภูเขานี้เขาเจาะกันทีหนึ่ง ๓๐ ปีนะ แล้วทะลุไปนี่ มีสกัดกับค้อน เท่านั้น เขาเจาะภูเขา เจาะเป็นถ้ำไป เพื่อทะลุไปอีกฝั่งหนึ่ง เขาทำของเขาได้ ๓๐ ปี ! นั่งตอกทุกวัน ๓๐ ปี ! ความเพียรของเขาไง เขามีหลักมีเกณฑ์ มีความเพียรของเขา เขาถึงทำได้

เราไปเห็นมหายานนะ พวกเซนนี่ อุ้ย.. สว่างโพลง ! สว่างโพลง ! นึกว่าง่ายๆ เขาทำจริงจัง แต่คำพูดมันเป็นโวหาร ของเรา “ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น”

ถ้าเราไม่มีจุดยืน เราไม่เข้าใจเรื่องลัทธิศาสนาเลย เราก็ โอ๊ย.. สว่างโพลง สว่างโพลง เราก็ทิ้งหมดเลยจะสว่างโพลงกับเขา ก็พระอาทิตย์ไง แขวนไว้ก็สว่างโพลงอยู่นั้นแหละ มันสว่างโพลงมาจากไหน ถ้าไม่มีเหตุมีผลมันสว่างโพลงมาได้อย่างไร เขาทำของเขาจริงจังมากนะ แต่คำพูดเป็นโวหาร โวหารเพื่อไม่ให้จิตมันยึด

ของเราก็เหมือนกันเห็นไหม ในกรรมฐานเรานี่ ปล่อยให้หมด.. ปล่อยให้หมด ทุกอย่างมันเป็นพิธีกรรมเท่านั้นแหละ มันเป็นรูปแบบ ถ้าติดในรูปแบบเข้าถึงหาเนื้อหาสาระไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีรูปแบบ เราไม่รู้จักเดินเลย มันจะเข้าถึงเนื้อหาสาระได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีเป้าหมายเลย มันต้องมีเป้าหมายของมัน

อธิษฐานบารมี.. การตั้งเป้ามันไม่มีผิด การตั้งเป้าแล้วทำไหม ถ้าทำแล้วถึงจุดประสงค์ของเราไหม จุดประสงค์นะให้มันสงบเข้ามา แล้วพอจิตมันสงบเข้ามาแล้ว สิ่งที่ได้ยินได้ฟัง เสียงอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา เสียงลมพัดใบไม้ไหว เราตกใจไหม แล้วเสียงที่เกิดขึ้นมา..

ถ้าจิตเรามีศีล เราไม่กลัวอะไรเลย ถ้าเรามีบุญกุศลนะ เวลาจิตเราจะดีขึ้นมา เขาจะมาขอส่วนบุญ มันมี เวลา เทวดา อินทร์ พรหม ถ้าจิตเราสงบขึ้นมา ดูสิ เห็นไหมเขาจะรักษา เขาจะขอส่วนบุญกุศลจากเราด้วย ถ้าจิตเราสงบ ที่เวลาอุทิศเราส่วนกุศล เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลมันเป็นอามิส แต่ถ้าจิตสงบแล้วปัญญามันเกิดขึ้นมานะ

ทำไมเวลาพระพุทธเจ้าบรรลุธรรมขึ้นมา ครูบาอาจารย์ท่านบรรลุธรรมขึ้นมา ทำไมโลกธาตุมันหวั่นไหว ทำไมเทวดา อินทร์ พรหม มาอนุโมทนาด้วย อนุโมทนาเพราะอะไร เพราะเขาได้สิ่งที่ประเสริฐ

เวลาพระพุทธเจ้าเทศน์ธรรมจักร เห็นไหม เทวดาส่งข่าวเป็นชั้นๆ ขึ้นไปทำไม เพราะอะไร เพราะเขามีคนสอนเขาแล้ว เหมือนกับเราคนเจ็บไข้ได้ป่วย เรามีหมอ เรามีพยาบาลแล้ว เรามียาที่รักษาเราแล้ว ธรรมจักร ! ในมรรคญาณมันมีแล้ว

แล้วพอพระที่ทำ เวลาเรานั่งสมาธิ ถ้าเรามีสมาธิ เราก็สอนเขาได้แค่สมาธิ ถ้าเรามีปัญญาเราก็สอนเขาได้ด้วยปัญญา สอนได้ ! สอนได้ถ้าจิตเราดี เห็นไหม เขามาภาษาใจ ภาษานึก มาเห็นตัวเห็นตนกันเลย แล้วถามปัญหาเลย ตอบปัญหาเลย สิ่งที่มันมี ทำไมเขาจะไม่ปกป้อง ทำไมเขาจะไม่ดูแล คนที่ทำจริงขึ้นมา

ดูสิ เหมือนกับเด็กที่มันพยายามค้นคว้า เรานะคนเจ็บคนป่วยอยู่ แล้วเขากำลังวิจัยเรื่องยา เราอยากให้เขาวิจัยให้จบไหม จบแล้วเราจะได้กินยานั้น เราจะได้หาย

ภาคปฏิบัติก็เหมือนกัน ถ้าใครทำวิจัยในหัวใจ ใครทำมรรคญาณในหัวใจ ถ้าปัญญามันเกิดขึ้นมา มันได้มรรคญาณ มันได้อริยสัจ มันได้รู้ถึงความจริง อันนี้มันสอนเขาได้ ธรรมโอสถ ธรรมรส รสเกิดจากใจ นี้สิ่งที่ถ้าเราดีจริง

ทำไมในสมัยโบราณที่เขาบอกว่า เราทำความดีจนอาสน์ที่นั่งของพระอินทร์ร้อน.. ร้อนจนต้องเข้ามาช่วยเหลือ ในพระไตรปิฎกมีมาก พระโพธิสัตว์ที่ว่าทำความเพียร ดูอย่าง พระมหาชนกนะ ว่ายน้ำอยู่ ๗ วัน ๗ คืน ไอ้พวกนั้นมันไม่ยอมว่าย มันตายห่ากันหมดเลย ว่ายอยู่อย่างนี้ ถึงหรือไม่ถึงไม่รู้ ว่ายอยู่อย่างนี้ ไปอย่างนี้ ความเพียรเราก็เป็นอย่างนี้

ถ้าสัจจะความจริง อันนี้มีนะ เราทำของเราไป.. ทำของเราไปให้เป็นสัมมาทิฎฐิ มันจะมีความผิดความถูกบ้างเป็นธรรมดา เริ่มต้นมันจะมีขลุกขลัก มันจะมีความผิด เพราะงานไม่เคยทำ งานของหัวใจ มันจะมีขลุกขลักบ้าง มันจะอะไรบ้าง

แล้วสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ไม่มีอะไรใหญ่กับเรา เขามาขอส่วนกุศลต่างหาก เขาไม่มีโอกาสแล้ว คนที่ตายไปนะ หมดโอกาสแล้ว ได้แต่อนุโมทนาไปเท่านั้นเอง แต่พวกมนุษย์ยังมีโอกาสอยู่ ยังทำดีได้ ทำชั่วได้

แล้วเรามาสร้างคุณงามความดี แล้วถ้าไม่มีสายบุญสายกรรมคือญาติพี่น้องน้อย มันก็มีน้อย ถ้าญาติพี่น้องมากมันจะมีมาก มันจะมีความกระเทือนกันมาก มันจะได้ผลตอบแทนมาก คนมีไม่เท่ากัน จิตนี้อำนาจวาสนาแข่งกันไม่ได้ อำนาจวาสนาต่างๆ สิ่งที่ในหัวใจแข่งกันไม่ได้แต่ถ้าทำถึงที่สุดแล้วของใครของมัน

แล้วถ้าใครเป็นบ้านใหญ่เรือนใหญ่ ญาติพี่น้องสิ่งต่างๆ จิตวิญญาณที่เป็นเครือญาติมาก มันจะเป็นประโยชน์มาก แต่ถ้ามีญาติน้อยคนน้อย มันก็เป็นธรรมดา คนเรามันเป็นธรรมดา ญาติน้อย แล้วมันน้อยตรงไหน มันมีอยู่ แต่มันไม่เป็นไป เพราะอะไร เพราะคนเกิดมานี่ ไม่มีต้นไม่มีปลาย ทุกคนเกิดมา พระพุทธเจ้าบอกแล้วว่า

“ไม่เป็นญาติ ไม่เป็นพี่น้องกันมา ไม่เคยมีเลย ! ไม่ชาติใดชาติหนึ่งก็ต้องเกิดมาประสบพบกัน” อันนี้เป็นสัจจะความจริง

ถึงเราจะแสวงหาจากข้างนอกนี้ เรามาทำบุญทำกุศลกัน เราอุตส่าห์มากัน นี้เป็นเรื่องเพราะว่าเรามีศรัทธานะ มันเป็นเปลือกผลไม้เห็นไหม ศรัทธา ! ขันธ์ ๕ ! เป็นเปลือกของใจ แล้วถ้าเรามาพยายามสร้างคนกัน เราปอกเปลือกมัน เข้าถึงความรู้สึก เข้าถึงใจเราได้ เข้าถึงทันกันได้หมด การศึกษาทันกันได้หมด

การประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกัน ถึงที่สุดนิพพานเหมือนกันหมด เพราะจิตนี้มันเป็นไปได้ มันทำได้ เพียงแต่ใครมีความวิริยะ มีความอุตสาหะ มีความตั้งใจจริง เพราะเป็นงานอันละเอียด เป็นงานของความรู้สึก เป็นความรู้สึกล้วนๆ เอาจิตแก้จิต เอาความรู้สึกแก้ความรู้สึก ปัญญาจากภายใน ไม่ใช่ปัญญาจากสถิติ ปัญญาจากภายนอก

ปัญญาอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ทางการวิจัยเขาทำกันได้เห็นไหม โลกียปัญญา โลกุตตรปัญญา ทรัพย์จากภายนอก ทรัพย์จากภายใน เราถึงต้องพยายามกันนะ สิ่งที่อาศัยเราก็อาศัยไป เพื่อประโยชน์ของเรา เอวัง